51402 จำนวนผู้เข้าชม |
ชมคลิปวีดีโอ สอนวิธีการเคลือบแก้วรถยนต์ ละเอียดทุกขั้นตอน ดูจบเคลือบแก้วเป็นทันที คลิกชมที่วีดีโอด้านล่าง
ชมคลิปวีดีโอ สอนวิธีการเคลือบแก้วรถยนต์ ละเอียดทุกขั้นตอน ดูจบเคลือบแก้วเป็นทันที คลิกชมที่วีดีโอด้านล่าง
ชมคลิปวีดีโอ แนะนำวิธีการเลือกเคลือบแก้วรถยนต์ เลือกอย่างไรไม่ให้โดนหลอก คลิกชมที่วีดีโอด้านล่าง
ชมคลิปวีดีโอ เคลือบแก้วรถยนต์ง่านๆด้วยตัวเอง เทคโนโลยีใหม่ เคลือบแก้วกราฟีน สารชนิดใหม่ แกร่งที่สุด เงาที่สุด นำเข้าจาก USA
ชมคลิปวีดีโอ แนะนำวิธีการขัดฟื้นฟูสภาพสีรถ ลบรอยขนแมวต่างๆ การการเคลือบแก้วเราต้องขัดฟื้นฟูสภาพสีรถใหม่กลับมาใหม่ก่อน ง่ายๆ ไปชมคลิปด้านล่างกันเลย
เคลือบแก้วคืออะไร มีประโยชน์อย่าง เป็นคำถามที่หลายท่านสงสัย คุณสมบัติของเคลือบแก้ว จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นเคลือบแก้วแท้ หรือเคลือบแก้วเทียม เราควรศึกษาให้เข้าใจก่อนตัดสินใจเคลือบแก้ว
เคลือบแก้วคืออะไร
เคลือบแก้วคือนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นในการเคลือบปกป้องสีรถได้ยาวนานกว่าการเคลือบ WAX ในสมัยก่อนๆ โดยจะมีการติดทนอยู่ที่ระดับ 1 ปีขึ้นไป ด้วยการเคลือบเพียงครั้งเดียว โดยน้ำยาเคลือบจะมีสารประกอบของซิลิก้า (Silica Dioxide) ซึ่งเป็นสารประกอบของ Quartz หรือผลึกแก้ว ซึ่งเมื่อเคลือบจะติดผสามเข้ากับชั้นสีรถเป็นลักษณะเหมือนฟิล์มแก้วบางๆปกป้องสีรถ พร้อมให้ความเงางาม
ประโยชน์ของเคลือบแก้ว และวิธีการสังเกตเคลือบแก้วแท้หรือไม่
1. ใบรับรองระดับความแข็งของชั้นฟิล์มแก้ว : ค่าระดับความแข็งของชั้นฟิล์มแก้วสามารถแบ่งได้ตั้งแต่ 1H - 10H ตาม Mosh Scale มาตรฐานสากล โดยใช้เครื่องตรวจวัดความแข็งหรือที่เรียกว่า Pencil Hardness Tester ดังนี้
เครื่องวัดค่าความแข็ง (Pencil Hardness tester)
ค่าความแข็งตามทฤษฎี Mohs Scale สูงสุดคือ 10H คือ Diamond หรือเพชร ซึ่งไม่ว่าขีดข่วนอย่างไรก็ไม่สามารถเกิดรอยได้ อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน น้ำยาเคลือบแก้วได้มีการพัฒนามาให้มีค่าความแข็งในการปกป้องสีรถได้สูงสุดถึงระดับ 9H ซึ่งเป็นค่าความแข็งที่สามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างดีในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามรถที่เคลือบแก้วไปแล้วก็มีโอกาสที่จะสามารถเกิดรอยขีดข่วนได้ แต่จะเกิดขึ้นได้ยากกว่ารถที่ไม่ได้เคลือบปกป้องเอาไว้ โดยระดับค่าความแข็งนี้สามารถตรวจสอบได้จากสถาบันรับรองผลระดับโลก อย่าง SGS โดยจะมีการตรวจวัดค่าความแข็งของชั้นฟิล์มแก้ว หรือที่เรียกว่า Pencil Hardness ในการตรวจเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกและจะออกเป็นใบรับรองผลการตรวจให้ ซึ่งเพื่อให้มั่นใจในคุณภาพของเคลือบแก้ว ลูกค้าสามารถขอดูผลการทดสอบได้จากแบรด์ผู้ผลิตน้ำยาเคลือบแก้ว
The Pencil Hardness test is an effective method to test coatings
for their hardness and their scratch wear resistance. The purpose of scratch hardness tests is to determine the resistance
of coating materials or lacquers to scratch effects on the
surface.
2. ความเงางาม เป็นเอกลักษณ์ โดดเด่น : นวัตกรรมเคลือบแก้วนอกจากการปกป้องสีรถที่ดีแล้ว ยังให้ความเงางามของชั้นฟิล์มแก้วเมื่อเคลือบลงไปบนชั้นสีรถ ความเงานั้นจะติดทนยาววนานมากกว่า 1 ปีขึ้นไปด้วยการเคลือบเพียงครั้งเดียว โดยความเงางามของน้ำยาแต่ลแบรนด์จะแตกต่างกันออกตามส่วนผสม
3. ความหนาของชั้นฟิล์มแก้ว สามารถวัดค่าได้จากเครื่องวัดความหนา ก่อนเคลือบและหลังเคลือบแก้ว
4. น้ำไม่เกาะสีรถ สิ่งสกปรกเกาะสีรถได้ยากขึ้น (Hydrophobic Effect) วิธีการสังเกตคุณภาพของเคลือบแก้วคือสังเกตหยดน้ำบนชั้นสีรถ ลักษณะจะกลมนูน เหมือนหยดน้ำกลิ้งบนใบบอน สิ่งสำคัญคือการติดทนของเคลือบแก้ว น้ำจะไม่เกาะสีรถในระดับ 6 เดือนขึ้นไป อย่างไรก็ตามการติดทนของเคลือบแก้วขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลรักษารถด้วย
5. การทนทานต่อการชะล้าง แรงดันน้ำ และสารเคมี เคลือบแก้วแท้จะเป็นการสร้างชั้นฟิล์มบางๆระดับไมครอนบนสีรถ และจะผสานติดเข้ากับชั้นสีรถไป โดยทนทานต่อการชะล้าง แรงดันน้ำ และสารเคมี โดยสามารถทดสอบประสิทธิภาพของเคลือบแก้วได้ด้วยการล้างรถ และการใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ลักษณะของน้ำจะต้องปลิวออก หรือกลมนูนเสมือนหยดน้ำกลิ้งบนใบบอน โดยเคลือบแก้วจะไม่หลุดออกถึงแม้มีการฉีดน้ำแรงดันสูง หรือมีการล้างรถด้วยแชมพูล้างรถทั่วไป
6. ปัญหาการแตกร่อนของตัวแก้ว ในสมัยก่อนๆ เคลือบแก้วมีลักษณ์แข็งเป็นแก้วทำให้พบปัญหาการแตกร่อน หลังจากใช้งานไปสักระยะหนึ่ง บริษัทผู้ผลิตน้ำยาเคลือบแก้วจึงมีการพัฒนาน้ำยาเคลือบแก้วที่มีความยืดหยุ่น ไม่แข็งตัวเร็วจนเกินไป เพื่อลดปัญหาการแตกร่อน และช่วยให้การเคลือบแก้วง่ายขึ้นอีกด้วย
เคลือบแก้วไปแล้วควรดูแลรักษาอย่างไร
รถที่เคลือบแก้วไปแล้ว สามารถล้างรถ ลงแวกซ์เคลือบเงาได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงการขัดสีรถด้วยเครื่องขัดสีรถรอบสูง หรือการขัดด้วยน้ำยาขัดสีรถประเภทที่มีส่วนผสมของผงขัด หรือ Compond เนื่องจากมีโอกาสที่จะขัดทำให้เคลือบแก้วหลุดได้
ก่อนเคลือบแก้วควรเตรียมผิวสีรถอย่างไร
การเตรียมผิวสีรถก่อนการเคลือบแก้วนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพสีรถแต่ละคัน ในกรณีที่เป็นรถเก่า มีรอยขีดข่วนขนแมว แนะนำให้มีการขัดปรับสภาพสีรถให้กลับมาใหม่ ลบรอยขนแมว ก่อนที่จะเคลือบแก้ว เนื่องจากการเคลือบแก้วจะไม่ช่วนให้รอยขนแมวบนสีรถหายไป จึงแนะนำให้มีการขัดเตรียมผิวสีรถก่อน แนะนำวิธีการขัดปรับสภาพสีรถ >>คลิ๊กที่นี่
สำหรับรถใหม่ป้ายแดง ขั้นตอนการขัดเตรียมผิวสีรถจะน้อยกว่ารถเก่าที่ใช้งานมาแล้ว เนื่องจากสภาพสีรถยังค่อนข้างสมบูรณ์ สามารถเตรียมผิวเบื้องต้นด้วยดินน้ำมัน หรือขัดลบริ้วแสง พร้อมชักเงา ให้ชั้นสีรถสวย เงางาม พร้อมก่อนเคลือบแก้ว
วิธีการเคลือบแก้ว
ปัจจุบันเคลือบแก้ว สามารถแบ่งได้เป็น 2 ระบบ คือระบบพ่น และระบบทา อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ระบบ จะมีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ แต่ละแบรด์ แนะนำให้ผู้ใช้งานควรศึกษาการใช้ก่อนการเคลือบ